วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

สนามบินลับของไทย

"ชัยภูมิบ่ใกล้บ่ไกลพอนั่งรถไฟก็มาต่อรถยนต์ เครื่องบินก็เคยบินมาวนบินมาวน
ก็ตอนทำฝนเทียม" เพลงชัยภูมิบ้านพี่เป็นเพลงที่คนชอบร้องแซวชาวชัยภูมิที่มีแค่
รถไฟวิ่งเฉี่ยวและไม่มีสนามบิน แต่จริงๆแล้วที่ชัยภูมิมีสนามบินและมีเครื่องบินมา
ลงจอดแล้ว หลายคนอาจไม่เชื่อเพราะแม้แต่ชาวชัยภูมิบางคนเองยังไม่ทราบเลย
ทำไมนั้นหรือครับ เพราะสนามบินที่ว่ามันคือสนามบินลับ(เพราะถ้าคนรู้เยอะมัน
ก็จะไม่ลับ555)สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2




















หลังการเลิกใช้พื้นที่ส่วนนี้ยังอยู่ใต้การดูแลของกองทัพอากาศ แต่ชาวบ้านส่วนมาก
เอาไว้ใช้หัดขับรถและเก็บหมากเล็บแมว(แลบเหยี่ยว)ต่อนกเขา กางข่ายไล่นก ที่ทิ้งเปลือกหน่อไม้ ไม่รู้หรอกว่าสนามบินแห่งนี้มีความเป็นมาอย่างไร
สนามบินนี้เป็นสนามบินของเสรีไทยครับ






























สนามบินภูเขียว ตั้งห่างจากตัวเมืองอำเภอภูเขียวประมาณ 3-4 กม. ในเขตตำบล
โอโล สนามบินลับภูเขียวมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นในช่วงปลายของ
สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้มีการกล่าวถึงสนามบินลับภูเขียวในเอกสารหลายแห่งทั้งใน
และนอกประเทศ
"การขนส่งกระทำได้สะดวกโดยเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่ของสัมพันธมิตร สามารถ
ขึ้นลง สนามบินลับของเสรีไทยที่ได้สร้างขึ้นในหลายพื้นที่ และที่ได้ใช้ประโยชน์มาก
ที่สุดในตอนปลายสงครามก็คือ สนามบินภูเขียว ที่ชัยภูมิ ซึ่งเครื่องบินลำเลียง ซี. 47
สามารถขึ้นลงได้ตลอดเวลา พ.ต. นิคอล สมิธ จาก โอ.เอส.เอส. ซึ่งเคยรับผิดชอบดู
แลนายทหารเสรีไทยสายอเมริกาที่ฐานปฏิบัติการซือเหมาในจีน ได้เดินทางเข้ามาประเทศ
ไทยโดยทางสนามบินภูเขียวนี้เมื่อ วันที่ 16 กรกฎาคม 2488 และได้กลับออกไปเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม" (รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ กับขบวนการเสรีไทยwww.pridi-phoonsuk.org)
(Thailand's secret war the free Thai, OSS, and SOE during world war II, E. Reynolds)

















"การรับส่งอาวุธโดยการทิ้งร่มชูชีพมีข้อจำกัดว่าทำได้เฉพาะคืนเดือนหงาย คือประมาณระหว่าง ขึ้น ๑๒ ค่ำ ถึงแรม ๔ - ๕ ค่ำ และอาวุธที่จะส่งมาให้นั้นมีจำนวนจำกัด ดังนั้นจึงมีการจัดสร้าง สนามบินลับขึ้น ฝ่ายสัมพันธมิตรมอบหมายให้ขบวนการเสรีไทยจัดสร้างขึ้นในภาคอีสาน เพื่อ รับเครื่องบินดาโกต้า (C-47) มี เตียง ศิริขันธ์ ผู้แทนจังหวัดสกลนครเป็นผู้ควบคุมดูแล โดย จัดสร้างขึ้นที่บริเวณอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ " (60ปี เสรีไทย วีรกรรมของผู้รับใช้ชาติ นิตยสาร สารคดี)



















ภาพเครื่องบินลำเลียงอเนกประสงค์ ดาโกต้า C-47
"หลังจากนั้น เสรีไทยสายอเมริกา พร้อมกับเจ้าหน้าที่ โอเอสเอส ก็ลอบเข้าไปปฎิบัติการ
ในไทย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกคนไทยให้ต่อต้านญี่ปุ่น การส่งอาวุธยุทธภัณฑ์ หรือดูแล
สนามบินลับหลายแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่สำคัญ คือ ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ"
ศ. ดร. เจริญ เจริญรัชต์ภาคย์ อยู่ที่สนามบินภูเขียว
“รายงานการเคลื่อนไหวของทหารญี่ปุน ติดต่อข่าวอากาศให้ทางกรุงเทพฯ ภูเขียวเป็นไง
ติดต่อให้เรือบินดาโกดา 47 ลง บางทีมันก็ลงมั่งไม่ลงมั้ง เขาส่งเสบียงอาวุธมาให้ ส่งคน
บาดเจ็บไปแคนดี้" (สารคดีเสรีไทยตอนที่2 http://www.bbc.co.uk/thai/highlights /story/2005/08/050809 _free_thai_american.shtml) (Thailand's secret war the free Thai, OSS, and SOE during world war II, E. Reynolds)

จากการสอบถามยายของผม ยายเล่าให้ฟังว่าตอนเครื่องบินขึ้นเสียงดังมาก (บ้านของผมเวลาเครื่องบินขึ้นตรงหัวพอดี ห่างจากสนามบิน 2 กิโลเมตร )พ่อของยายจะทำหลุมหลบภัยไว้ใต้บ้าน ยายเล่าต่อว่า พ่อของยาย(ทวดผมครับ)ไปรับจ้างตัดกิ่งไม้ เพื่อนำมาคลุมเครื่องบินอำพรางไม่ให้เครื่องบินของทหารญี่ปุ่นเห็น















ภาพสนามบินในปัจจุบัน

บ้านของผมมองไปตรงขวานิดๆ ตรงหัวสุดภูเขา ห่างไป 2 กิโลเมตร















บ้านทรายเงิน





































วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

สืบ นาคาเสถียร คนดีที่คนไทยต้องไม่ลืม



คุณสืบ นาคะเสถียร หรือนามเดิม สืบยศเป็นชาวอำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรีเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี บิดาชื่อ นายสลับ นาคะเสถียร อดีตผู้ว่าราชการ จังหวัดปราจีนบุรีมารดาชื่อ นางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร มีพี่น้องทั้งหมด ๓ คน โดยคุณสืบ เป็นบุตรชายคนโตน้องชาย และน้องสาวอีก ๒ คน คือ คุณกอบกิจ นาคะเสถียร และคุณกัลยา รักษาสิริกุลคุณสืบมีบุตรสาว ๑ คน ชื่อนางสาวชินรัตน์ นาคะเสถียรปัจจุบันอายุ ๒๔ ปี (พ.ศ.๒๕๔๔)
ชีวิตและการทำงาน โดยที่สายตระกูลของคุณสืบ นาคะเสถียร เป็นครอบครัวของชาวนา ชีวิตในช่วงปฐมวัยจึงต้องช่วยทำงานในนาของมารดา เมื่อว่างจากภาระดังกล่าวก็ออกท่องเที่ยวกับเพื่อน ๆ โดยมีไม้ง่ามหนังสะติ๊กคู่ใจ
ได้เข้าเรียนชั้นประถมต้นที่โรงเรียนประจำจังหวัดปราจีนบุรี ช่วงปิดเทอมว่างจากการเรียน ก็จะออกไปช่วยทางบ้านเสริมแนวคันนา เพื่อไม่ให้มีข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน ทำงานกลางแจ้งทั้งวัน แม้แดดจะร้อนก็มิเคยปริปากบ่น ครั้นเรียนจบชั้นประถม ๔ ต้องจากครอบครัวไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ในสมัยนั้น คุณสืบ มีบุคลิกประจำตัวคือ เมื่อสนใจหรือตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำจริงจัง จนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด
๒๕๑๑-๒๕๑๔ เข้าศึกษาในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความตั้งใจการศึกษาอย่างเต็ม ประสิทธิภาพ และเข้าร่วมกิจกรรมของนิสิตในมหาวิทยาลัย โดยเป็นที่ทราบกันดีระหว่าง หมู่เพื่อนผู้ใกล้ชิดว่า คุณสืบ เป็นผู้มีจิตใจรักงานศิลปะ สูงส่งในเชิงมนุษยสัมพันธ์ มีระเบียบ ในการดำเนินชีวิตในสมัยเรียนอย่างเป็นแบบแผน
๒๕๑๖ เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว ได้เข้าทำงานที่กองสวนสาธารณะของการเคหะแห่งชาติ ๒๕๑๗ เข้าศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนสำเร็จการศึกษา
๒๕๑๘ บรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่ง พนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว - เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี ปราบปรามจับกุมผู้บุกรุกทำลายป่าอย่างมีประสิทธิภาพ
๒๕๒๒ ได้รับทุนจาก British Council ไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในสาขาวิชาอนุรักษ์วิทยา
๒๕๒๔ เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ มีส่วนร่วมในการจัดการและประสานงาน รวมทั้งเป็นวิทยากรฝึกอบรมพนักงานพิทักษ์ป่าอีกหลายรุ่น
๒๕๒๖ กลับเข้าปฏิบัติราชการประจำ ฝ่ายวิชาการ กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้
๒๕๒๙ ปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อน รัชชประภา(เชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๒๕๓๐ ปฏิบัติงานในโครงการศึกษาผลกระทบสภาพแวดล้อม เพื่อพัฒนาพื้นที่ ป่าพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส ต่อมาได้รับคำสั่งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกตำแหน่งหนึ่ง เป็นอาจารย์พิเศษ ประจำภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดเตรียมเอกสารข้อมูลทางด้านบทความและภาพถ่าย ทุ่มเทพลังกาย พลังใจ เพื่อคัดค้าน การสร้างเขื่อนน้ำโจนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและการบุกรุกทำลาย ทรัพยากร ธรรมชาติทุกรูปแบบ
๒๕๓๑ กลับมาปฏิบัติราชการที่ กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้
๒๕๓๒ เข้ารับตำแหน่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี
๒๕๓๓ จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาป่าห้วยขาแข้ง และทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นวิทยากรบรรยาย และร่วมอภิปรายในโอกาส และสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่ง ส่วนมากเป็นหัวข้อเรื่อง “ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาที่เกี่ยวข้อง ” “ การอพยพสัตว์ป่าตกค้างในเขื่อนเชี่ยวหลาน ” เป็นต้น เขียนเอกสาร โครงงานเพื่อจัดการให้พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นพื้นที่มรดกทางธรรมชาติของโลก
๑ กันยายน ๒๕๓๓ ชำระสะสางภาระหน้าที่รับผิดชอบ และทรัพย์สินส่วนตัวที่คั่งค้าง มอบหมายเครื่องใช้ และ อุปกรณ์ในการศึกษาวิจัยด้านสัตว์ป่า ให้สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว เช้าตรู่เริ่มต้นตำนานแห่งนักอนุรักษ์ สืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์ไทย ผู้ที่รักป่าไม้และธรรมชาติด้วยกาย วาจา และใจ